Just known Before!!
1.Freight Forwarder Business: ธุรกิจรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
Freight Forwarderคือ ธุรกิจบริการที่ทำหน้าที่ป็นธุระแทนผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ในเรื่องตั้งแต่การจองระวางเรือ,การบรรจุสินค้า,การขนส่ง
ดำเนินการพิธีการขาเข้าและขาออก ตลอดจนการจัดการเกี่ยวกับเอกสารส่งออกและนำเข้า เป็นต้น
2.Custom Broker คือ นายหน้าในการจัดการผ่านพิธีการศุลกากรซึ่งมีความหมายเดียวกับ Shipping ที่จัดการเกี่ยวกับการผ่านพิธีการศุลกากร
3.Transportation Provider คือ ผู้ขนส่งสินค้าทั้งทางเครื่องบิน ทางเรือ และทางรถไฟ
4.Packing บริการรับจัดการการบรรจุสินค้า
5.Warehouse ให้บริการโรงพักสินค้า อาจจะเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการเอง หรือร่วมกับผู้ประกอบการอื่นที่มีโรงพักสินค้าไว้บริการ
6.Labour ให้บริการทางด้านแรงงาน คนงาน ในการบรรจุสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร ์
7.Multimodal Transport ให้บริการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ
8.Logistics Service ให้บริการในการบริหารโลจิสติกส์ หรือการกระจายสินค้า
9.Business Consultant ให้บริการคำปรึกษาด้านการส่งออกและนำเข้าซึ่งการให้บริการข้างต้นบริษัทจะเป็นนายหน้าหรือทำหน้าที่เป็นผู้ขนส่งเองก็ได้
บทบาทของ Freight Forwarder ในการส่งออกนั้นจะมีดังนี้
1. ทำการเลือกและนำเสนอเส้นทางการขนส่ง รูปแบบการขนส่ง และยานพาหนะที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกค้า หรือผู้ส่งออก ดีที่สุดคือ ต้องเป็นรูปแบบที่ทำให้สินค้าถึงผู้รับโดยปลอดภัยและรวดเร็ว รวมทั้งเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
2. ทำการจองระวางกับผู้ขนส่งให้แก่ลูกค้า
3. รับสินค้าจากลูกค้าและทำการบรรจุสินค้า ในระหว่างนี้จะต้องมีการจัดเตรียมเอกสารเพื่อใช้ในการดำเนินพิธีการศุลกากร พร้อมทั้ง เอกสารอื่นๆ เช่น หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นต้น
4. ทำการขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือ พร้อมทั้งดำเนินพิธีการศุลกากรขาออก และส่งมอบสินค้าให้กับผู้ขนส่ง
5. ชำระค่าใช้จ่ายทเีกี่ยวข้องรวมทั้งค่าระวางแทนผู้ส่งออกไปก่อน
6. รับใบตราส่งสินค้าที่มีการเซ็นต์และประทับตราเรียบร้อยแล้วจากผู้ขนส่งและส่งมอบให้กับลูกค้า
7. ติดตามการเดินทางของสินค้าจนกว่าจะถึงมือผู้รับสินค้าปลายทาง
การคิดค่าระวางเรือ (Freight Surcharge Basic)
คำนวณจากน้ำหนักสินค้าที่บรรทุก (Weight Ton) และจะมีอัตราการคิดที่แตกต่างกันตามแต่ละประเภทของสินค้า
คำนวณจาก Measurement โดยคำนวณจากปริมาตรของสินค้า คือ เป็นการวัดขนาดของสินค้า กว้าง x ยาว x สูง
คำนวณออกมาเป็น ลูกบาศก์เมตร (M3 หรือ CBM) มักจะใช้กับสินค้าที่มี ลักษณะ Bulk คือ มีลักษณะเป็น Size
Insentive เช่น เสื้อผ้า , ฝ้ าย แต่ทั้งทีจะต้องมีการชั่งน้ำหนักโดยเปรียบเทียบว่า หากน้ำหนัก (Weight Ton) สูงกว่า
ก็จะคิดค่าระวางจากน้ำหนัก การคำนวณจาก V (Ad Valorem Goods) คือ Degree ที่สินค้ามีราคาสูง ถึงแม้ว่าจะมีปริมาตรน้อย น้ำหนักไม่มาก
แต่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ การคิดค่าระวางก็จะคิดเพิ่มอีก 3-5 เท่า ของมูลค่าสินค้า ค่าระวางพิเศษ ได้แก่
ค่าใช้จ่ายทั้งหลายที่บริษัทเรือ คิดเพิ่มเติมจากค่าระวางพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วย
1. ค่าระวาง Surcharge เป็นค่าใช้จ่ายพิเศษที่มีการเรียกเก็บ เนืองในกรณีต่างๆ เช่น ภัยสงคราม หรือในช่วงทีมีการ Peak Season
2. Terminal Handling Charge : THC เป็นค่าใช้จ่ายทีเกิดจากการ ขนถ่ายสินค้าทั้งต้นทางและปลายทาง ได้แก่การ
ใช้เครนที่เรียกว่า Top คือ ค่าภาระ ,ค่าลากตู้สินค้า
3. Bunker Adjustment Factor : BAF เป็นค่าระวางพิเศษ ชดเชยภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเกิดวิกฤติการณ์ด้านน้ำมัน ซึ่งทำให้บริษัทเรือมีต้นทุนที่สูงขึ้น
4. Currency Adjustment Factor : CAF เป็นค่าปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยค่าระวางเรือส่วนมากจะเรียกเก็บ
เป็นเงินสกุลดอลล่าห์สหรัฐฯ หากกรณีอัตราแลกเปลี่ยนมีการผกผัน ทางบริษัท เรือก็จะมีการเรียกเก็บ
5. Congestion Surcharge เป็นค่าใช้จ่ายพิเศษเนื่องจากความแออัดในท่าเรือ เป็นค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บเนื่องจากบาง
ท่าเรืออาจมีการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้มีการขนย้ายตู้ขึ้นและลงล่าช้ากว่า เกณฑ์ทีทางบริษัทเรือกำหนดไว้ซึ่ง
อาจจะเกิดจากเหตุอื่น เช่น การจราจรที่ติดขัด การนัดหยุดงานของคนงาน ซึ่งมีผลทำให้งานล่าช้า
6. Bill of Lading Charge : B/L Charge ค่าออกใบตราส่ง เป็นค่าธรรมเนียมในการที่บริษัทเรือต้องจัดพิมพ์ใบ Billof Lading
ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการแสดงสถานะภาพ (Status) ว่าสินค้า ได้มีการขนส่งไปกับบริษัทเรือซึ่ง B/L หรือที่เรียกว่าใบตราส่งจะมีออกเป็นหลายฉบับ
เช่น ฉบับที่เรียกว่า Original , Duplicate Original , Triple และ Copy Non-Negotiate ทั้งหมด นี้ทางบริษัทเรือจะเรียกเก็บเป็นค่าใช้จ่ายในการทำเอกสาร
7. AMSC : Advance Manifest Security Charge เป็นค่าใช้จ่ายในการที่บริษัทเรือต้อง Input Data 24 ชั่วโมงก่อนการขนถ่ายสินค้า ที่เรียกว่า 24 Hour Rules
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการความ ร่วมมือ การป้องกันผู้ก่อการร้ายที่เรียกว่า C-TPAT (Customs Trade Partnerships Against Terrorism)
ซึ่งประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับสุดท้ายของ Top Twenty Mega Port ในการขนส่งสินค้าจึงต้องเสียค่า AMSC Charge รวมถึงการแก้ไขเอกสาร
ที่มา :www.etradethai.com